Title: |
การปรับปรุงผลการดำเนินงานโรงงานโดยการพัฒนาระบบการผลิตแบบเซลล์ กรณีศึกษาบริษัทผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าแรงสูง |
Categories: | งานวิจัยปี 2006 |
BookID: | 177 |
Authors: | พิภพ ลลิตาภรณ์,อนันต์ มุ่งวัฒนา, เอกรัตน์ ขันดำรงรักษ์ |
ISBN-10(13): | 107 |
Number of pages: | 0 |
Price: | |
Rating: |
![]() |
Picture: |
![]() |
ebook: | Download ebook |
Description: |
สายการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าแรงสูงของบริษัทที่ใช้เป็นกรณีศึกษา ดังเดิมนั้น มีลักษณะรูปแบบการ ผลิตแบบไหล (Flow Shop) หรือสายการผลิต (Production Line) โดยมีการจัดวางเครื่องจักรของแต่ละหน่วย ผลิตไปตามขั้นตอนของกระบวน การผลิต จากสถานีงานเริ่มต้นจนถึงสถานีงานสุดท้าย ต่อกันไปแบบอนุกรม โดยแต่ละสถานีงานจะมุ่งเน้นผลิตให้ได้จำนวนชิ้นงานตามแผนการผลิตที่กำหนดไว้ และคำนึงถึงประสิทธิภาพ สูงสุดในหน่วยผลิตที่ตัวเองรับผิดชอบ หน่วยผลิตใดสามารถผลิตได้เร็วกว่าหน่วยผลิตอื่นก็จะส่งชิ้นงานรอให้ สถานีงานถัดไปนำไปผลิตต่อ นอกจากนั้นยังขาดการประสานงานของแต่ละหน่วยผลิต เมื่อหน่วยผลิตหนึ่งเกิด การขัดข้องต้องหยุดผลิตเพื่อแก้ไขปัญหา หน่วยผลิตที่อยู่ก่อนหน้าก็ยังคงป้อนงานเข้ามาตามแผนของตน จึง เป็นสาเหตุให้มีชิ้นงานเข้ามาวางรออยู่หน้าหน่วยผลิตแต่ละหน่วยเป็นจำนวนมาก และถ้าชิ้นงานที่ส่งเข้ามามี ข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไขด้วยแล้ว ทำให้เสียเวลาส่งผลให้การผลิตล่าช้า บ่อยครั้งที่ทำให้การส่งมอบไม่ทันตาม กำหนดของลูกค้า วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้มุ่งพัฒนาและปรับปรุงสายการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าของบริษัทดังกล่าวให้ สามารถไหลไปทีละชิ้นในแต่ละสถานีงานอย่างสมดุล และด้วยอัตราที่สอดคล้องกับสถานีงานที่เป็นคอคอดของ กระบวนการผลิต(Bottleneck work station) โดยการประยุกต์แนวคิดของระบบผลิตแบบเซลส์ (Cellular Manufacturing System) และ การจัดสมดุลสายการผลิต ในการจัดงานในแต่ละสถานีงาน ทำให้การผลิตของ แต่ละสถานีงานมีความสมดุล มีรอบเวลาผลิตที่ใกล้เคียงกันทุกสถานี และเพื่อควบคุมให้การดำเนินงานสามารถ ดำเนินไปได้อย่างสม่ำเสมอ จึงได้จัดให้มีสัญญาณแจ้งเตือนรอบการผลิตและสัญญาณแจ้งเตือนเมื่อพบปัญหาใน ระหว่างการผลิต รวมถึงจัดทำ ชุดมาตรฐานการปฏิบัติงานของแต่ละสถานีตามรุ่นของหม้อแปลงแต่ละรุ่น เพื่อให้ ผู้ปฏิบัติงานสามารถเรียนรู้และนำมาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว และสอดคล้องกับรอบเวลาผลิตที่ กำหนดไว้สำหรับหม้อแปลงแต่ละรุ่น ผลการพัฒนาและปรับปรุงสายการผลิตให้มีความสมดุล และเป็นสถานีงานแบบ เซลล์ ทำให้ช่วงเวลา นำการผลิต(Lead Time)ลดลงประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ และ ประสิทธิภาพการใช้งานเครื่องจักร (Utilization)สูงขึ้นมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ งานระหว่างผลิตในแต่ละสถานีงานลดลงโดยเฉลี่ยมากกว่า 22 เปอร์ เซ็นต์ นอกจากนั้นยังส่งผลให้เวลาในการเตรียมการผลิตสำหรับหม้อแปลงรุ่นใหม่ลดลงถึง 90 เปอริ์เซ็นต์ (จาก 40 ชั่วโมง เหลือเพียง 4 ชั่วโมง) ขณะเดียวกันทำให้งานด้านการบริหารการผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถ ควบคุม ติดตาม และรับรู้ความก้าวหน้าของการผลิตได้ง่ายและรวดเร็ว มีความประสานงานและร่วมมือกันใน ระหว่างสายการผลิตมากขึ้น |